รีวิว realme 9 Pro Series สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง realme ที่เปิดตัวมาทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ กับค่าตัวเริ่มต้นเพียง 8,999 บาท ถือเป็นสองรุ่นที่น่าสนใจทั้งคู่ โดยเฉพาะใน realme 9 Pro+ มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX766 ที่ถูกใช้ในสมาร์ตโฟนระดับท็อปหลาย ๆ รุ่น ว่าแต่การใช้งานจะเป็นอย่างไร ถ่ายรูปออกมาได้สวยขนาดไหน เลื่อนลงไปอ่านรีวิวได้เลยครับ
สเปค realme 9 Pro
- หน้าจอ LCD ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ รีเฟรชเรท 120Hz
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 695 5G
- RAM 6GB/ 8GB
- ความจุ 128GB (UFS 2.2)
- กล้องหลัง 3 ตัว
- กล้องหลัก : 64MP (f/1.79)
- กล้อง Ultrawide : 8MP (f/2.2) มุมกว้าง 119 องศา
- กล้อง Macro : 2MP (f/2.4)
- กล้องหน้า 16MP (f/2.05)
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง
- รองรับ 5G, WiFi 5 และ Bluetooth 5.1
- แบตเตอรี่ 5000 mAh
- ชาร์จไว 33W Dart Charge
- ระบบ Android 12 ครอบด้วย realme UI 3.0
- ราคาเริ่มต้น 8,999 บาท
- สเปคเต็ม ๆ realme 9 Pro
สเปค realme 9 Pro+
- หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ รีเฟรชเรท 90Hz
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 920 5G
- RAM 8GB
- ความจุ 256GB (UFS 2.2)
- กล้องหลัง 3 ตัว
- กล้องหลัก : 50MP (f/1.8), กันสั่น OIS, เซ็นเซอร์ IMX766
- กล้อง Ultrawide : 8MP (f/2.2) มุมกว้าง 119 องศา
- กล้อง Macro : 2MP (f/2.4)
- กล้องหน้า 16MP (f/2.4)
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
- รองรับ 5G, WiFi 6 และ Bluetooth 5.2
- แบตเตอรี่ 4500 mAh
- ชาร์จไว 60W SuperDART
- ระบบปฏิบัติการ realme UI 3.0 บนพื้นฐาน Android 12
- ราคา 12,999 บาท
- สเปคเต็ม ๆ realme 9 Pro+
ฝาหลังเปลี่ยนสีได้ ดีไซน์แบบ Photochromism
สำหรับดีไซน์ของ realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ ทั้งสองรุ่นจะมาในดีไซน์ใกล้เคียงกัน แตกต่างกันในเรื่องของขนาดตัวเครื่อง โดย realme 9 Pro จะมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย เนื่องจากหน้าจอมีขนาดใหญ่ 6.6 นิ้ว ในขณะที่ realme 9 Pro+ แม้จะมีขนาดหน้าจอ 6.4 นิ้ว แต่ก็ได้พาแนลแบบ Super AMOLED ที่โดดเด่นกว่าในเรื่องของสีสันหน้าจอ
นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างในเรื่องของอัตรารีเฟรชหน้าจอ หากเป็นหน้าจอ Super AMOLED ของ realme 9 Pro+ จะมีอัตรารีเฟรชหน้าจออยู่ที่ 90Hz ส่วนหน้าจอ realme 9 Pro ที่เป็นพาแนลแบบ IPS-LCD จะมีอัตรารีเฟรชหน้าจอ 120Hz Ultra Smooth Display แม้จะมีตัวเลขที่ต่างกันเล็กน้อย แต่ในการใช้งานปกติทั่วไป ส่วนตัวผมว่าแทบไม่มีความแตกต่างครับ คือปัดหน้าจอลื่นไหลเหมือนกันทั้งสองรุ่น
ความแตกต่างของทั้งสองรุ่น อีกอย่างก็คือขนาดของกล้องหน้า แม้จะฝังอยู่บริเวณมุมซ้ายบนหน้าจอเหมือนกัน กล้องหน้าความละเอียด 16MP เท่ากัน แต่กล้องหน้า realme 9 Pro+ มีขนาดเล็กกว่าใน realme 9 Pro เล็กน้อย รวมถึงตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ realme 9 Pro เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบริเวณด้านข้างตัวเครื่อง ส่วน realme 9 Pro+ จะเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ในการวัดอัตราการเต้นหัวใจ (เปิดใช้ใน realme Lab)
ตำแหน่งของปุ่มกด และพอร์ตต่าง ๆ ของทั้งสองรุ่น ถูกจัดวางอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นลำโพง, พอร์ตชาร์จแบบ USB Type-C รวมถึงตำแหน่งของไมโครโฟน และถาดใส่ซิมการ์ด แต่ก็มีข้อแตกต่างเล็กน้อยตรงที่ถาดซิมของ realme 9 Pro เป็นถาดซิมแบบ Hybrid-Slot (2 nano SIM หรือ microSD Card) ส่วน realme 9 Pro+ เป็นถาดซิมแบบ 2 Card Slot ไม่รองรับการเพิ่มความจุด้วย microSD Card
ในด้านขนาดและน้ำหนักตัวเครื่อง realme 9 Pro+ ถือเป็นรุ่นที่บางที่สุดใน realme NUMBER Series โดยมาพร้อมกับความบางเพียง 7.99 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวเครื่อง 182 กรัม ส่วน realme 9 Pro มีความบางอยู่ที่ 8.5 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 195 กรัม ตรงจุดนี้ถือว่า realme ออกแบบสมาร์ตโฟนในซีรี่ส์นี้ได้ดีครับ อยู่ในเกณฑ์บางเบา พกพาสะดวกทั้งสองรุ่น
ส่วนเรื่องฝาหลังของซีรี่ส์นี้ ต้องยอมรับเลยว่ารอบนี้ realme ออกแบบมาได้น่าสนใจมาก เพราะไม่ใช่แค่เป็นฝาหลังที่มีหลายสีในตัวเดียว แต่มันสามารถเปลี่ยนสีฝาหลังได้เลย โดยเฉพาะสี Sunrise Blue ที่ในสภาพแสงปกติ จะเป็นสีน้ำเงิน แต่พอนำตัวเครื่องไปใช้งานกลางแดด จะเปลี่ยนจากสีน้ำเงินกลายเป็นสีแดงได้ใน 3 วินาที และเปลี่ยนกลับเป็นสีน้ำเงินเมื่อไม่มีแสงแดด เนื่องจากใช้กระบวนการออกแบบ Photochromic Layer ที่มีการเคลือบฝาหลังถึง 3 ชั้น
เซ็นเซอร์กล้องระดับเรือธง IMX766 ครั้งแรกในสมาร์ตโฟนระดับ Mid-Range
เซ็นเซอร์ Sony IMX766 OIS เป็นเซ็นเซอร์ความละเอียด 50MP ที่มักถูกใช้ในกล้องหลังของสมาร์ตโฟนระดับเรือธง ด้วยจุดเด่นเรื่องเทคโนโลยี Pixel-binning ให้ขนาดพิกเซลที่ใหญ่ถึง 2 ไมครอน และมีขนาดเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ถึง 1/1.56 นิ้ว และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่สมาร์ตโฟนระดับ Mid-Range ได้ใช้งานเซ็นเซอร์กล้องตัวท็อปรุ่นนี้ครับ (เฉพาะ realme 9 Pro+)
โดยกล้องหลังของ realme 9 Pro+ นอกจากเซ็นเซอร์หลัก 50MP ที่ใช้ IMX766 และมี OIS + EIS แล้ว ก็จะมีกล้องมุมกว้าง Ultra wide-angle ความละเอียด 8MP และกล้อง Macro ถ่ายใกล้ 4 เซนติเมตร ความละเอียด 2MP ส่วนกล้องหลังของ realme 9 Pro จะแตกต่างกันแค่เซ็นเซอร์หลักความละเอียด 64MP f/1.79 ที่เหลือก็เหมือนกับ realme 9 Pro+ คือมีกล้องมุมกว้าง 8MP และเลนส์มาโคร 2MP เช่นเดียวกัน
ในการถ่ายภาพ ส่วนตัวผมประทับใจกับกล้องหลังของ realme 9 Pro+ เอามาก ๆ โดยเฉพาะเมื่อใช้เลนส์ wide ที่เป็นเซ็นเซอร์ IMX766 ถือเป็นกล้องที่โดดเด่นในเรื่องการเก็บรายละเอียด ไม่ว่าจะแสงปกติ หรือในที่แสงน้อย การจับโฟกัสแม่นยำและรวดเร็ว หากวัดแค่กล้องหลัก 50MP ผมว่ามันให้ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับสมาร์ตโฟนเรือธงราคา 20,000 บาทขึ้นไปได้เลย และยังมีโหมดเจ๋ง ๆ อย่าง Street Photography 2.0 ที่มาพร้อมกับฟิลเตอร์สวย ๆ ให้เลือกใช้งาน
แต่พอเป็นการใช้งานกล้องมุมกว้าง กับกล้องมาโคร กรณีของ realme 9 Pro+ ส่วนตัวผมว่ามันให้ความแตกต่างมากไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับกล้องหลัก ยิ่งเป็นการถ่ายภาพในที่แสงน้อย จะเห็นความแตกต่างชัดเจน คือไม่ใช่ว่าเลนส์มุมกว้างกับเลนส์มาโครคุณภาพไม่ดีนะครับ แต่ผมใช้คำว่าทำได้ในระดับดีตามราคาของสมาร์ตโฟน เพียงแต่เซ็นเซอร์หลัก IMX766 มันเก็บภาพได้ดีมากจนเห็นความแตกต่างชัดเจนเกินไปมากกว่า
การถ่ายภาพด้วย realme 9 Pro ผมว่าก็ทำได้ตามมาตรฐานสมาร์ตโฟนระดับ Mid-Range ได้เซ็นเซอร์ความละเอียดสูง 64MP มีโหมดกลางคืนให้ใช้งาน มีโหมด Street Photography ให้ใช้งานแบบเดียวกับใน realme 9 Pro+ ส่วนการถ่ายวิดีโอ ทั้ง 2 รุ่น รองรับการบันทึกวิดีโอกล้องหลัง และกล้องหน้าที่ความละเอียด 1080p 30fps
ชิปประมวลผล 5G พร้อมรองรับฟีเจอร์เพิ่ม RAM
ด้านการประมวลผล realme 9 Pro+ มาพร้อมกับชิปเซ็ต 5G รุ่นใหม่จากทาง MediaTek ในรุ่น Dimensity 920 5G ชิปเซ็ต 6nm ความเร็วสูงสุด 2.5GHz ชิปกราฟฟิก Mali-G68 MC4 ให้ประสิทธิภาพโดยรวมสูงกว่าชิปเซ็ต Dimensity รุ่นก่อนหน้าทั้ง CPU และ GPU จากการทดสอบเล่นเกม รุ่นนี้รองรับการเล่นเกมได้สบาย ๆ ไม่ว่าจะเป็น RoV ปรับตั้งค่าเฟรมเรตสูง, PUBG New Stage ปรับเฟรมเรต Ultra สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล
นอกจากนี้ realme 9 Pro+ ยังมาพร้อมกับระบบระบายความร้อน Vapor Chamber Cooling System ที่เป็นแผงระบายความร้อนขนาดใหญ่พิเศษ ครอบคลุม 100% บริเวณที่เกิดความร้อนของตัวเครื่อง โดยเฉพาะ CPU จากการทดสอบเล่นเกมต่อเนื่องประมาณ 1 ชั่วโมง (RoV ปรับสูง / เฟรมเรตสูง) พบว่าตัวเครื่องแทบไม่มีความร้อนออกมา และเล่นได้ต่อเนื่องที่ 59 – 60fps
การใช้งานทั่วไปของ realme 9 Pro+ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดใช้งานแอปต่าง ๆ ก็ลื่นไหลหายห่วง ด้วยแรมในตัวเครื่อง 8GB เพียงพอต่อการใช้งานหนัก เปิดหลายแอปไม่สะดุด แถมยังมีฟีเจอร์ Virtual RAM ที่เพิ่มแรมได้อีก 5GB เท่ากับว่ารุ่นนี้มี RAM ให้ใช้เต็มที่ 13GB ส่วนความจุในตัวเครื่องของ realme 9 Pro+ ก็ให้ความจุสูงถึง 256GB (UFS 2.2) แม้จะไม่รองรับ microSD Card แต่ด้วยความจุระดับนี้ก็ไม่น่าเป็นปัญหาในการใช้งานครับ
ส่วน realme 9 Pro มาพร้อมกับชิปเซ็ต 6nm เช่นเดียวกัน แต่เป็นชิปจากค่าย Qualcomm ในรุ่น Snapdragon 695 5G ในด้านความแรงก็เหนือกว่าชิปเซ็ตของสมาร์ตโฟนหลายรุ่นในช่วงราคาใกล้เคียงกัน ระดับ Benchmark 400,000 คะแนนขึ้นไปนี่ก็รองรับการเล่นเกมได้หลากหลายมาก ๆ (RoV ปรับสูง เฟรมเรตสูง 60fps | PUBG New Stage ปรับเฟรมเรต Ultra) แต่ถ้าเป็นสายเล่นเกมหนัก ๆ ผมแนะนำเป็น RAM 8GB (Virtual RAM ได้อีก 3GB) จะตอบโจทย์การใช้งานมากกว่า ส่วนรุ่น RAM 6GB เหมาะกับการใช้งานทั่วไป เน้นเล่นเกมบ้าง ไม่ได้เล่นเกมหนัก ๆ
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ อึด รองรับชาร์จเร็วทั้งสองรุ่น
สำหรับแบตเตอรี่และการชาร์จไฟ realme 9 Pro+ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh การใช้งานโดยรวม จากที่ผมได้ทดสอบกับเครื่องรีวิว realme 9 Pro+ รุ่นนี้สามารถใช้งานได้หมดวันแบบไม่ต้องชาร์จไฟเพิ่ม เว้นแต่จะใช้งานหนักในระดับที่เล่นเกมต่อเนื่อง 2 – 3 ชั่วโมงติดต่อกัน ส่วนเรื่องระบบชาร์จไฟ จะได้ระบบชาร์จเร็ว 60W SuperDart Charge ใช้เวลาชาร์จไฟจนเต็ม 100% ได้ในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง
ในขณะที่ realme 9 Pro จะได้แบตเตอรี่ความจุสูงกว่าเล็กน้อย เป็นแบตเตอรี่ 5000 mAh จากการใช้งานจริงก็อึดสมกับที่เป็นแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ครับ หากไม่ได้เล่นโทรศัพท์เยอะ ๆ นี่ผมว่า 2 วันชาร์จทียังได้ แต่ก็จะได้ระบบชาร์จเร็วรุ่นรองลงมาอย่าง 33W Dart Charge แม้จะไม่ได้เร็วเท่ากับ realme 9 Pro+ แต่ก็ถือว่าเร็วกว่าสมาร์ตโฟนหลายรุ่นในช่วงราคาเดียวกันครับ
สรุปภาพรวม รีวิว realme 9 Pro Series
ภาพรวมในหลังจากที่ผมได้ใช้งานเครื่องรีวิว realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro ก็ต้องบอกว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่คุ้มค่าทั้ง 2 รุ่น และยังคงเป็น realme NUMBER Series ที่ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง ด้วยจุดเด่นเรื่องสเปคต่อราคาที่มั่นใจว่าท้าชนได้ทุกแบรนด์ และก็มีอะไรมาเซอร์ไพรส์อยู่เรื่อย ๆ อย่างคราวนี้ก็เป็นการจับเซ็นเซอร์แฟลกชิป IMX766 มาใส่ในโทรศัพท์ระดับ Mid-Range เป็นครั้งแรก และก็ให้ผลลัพธ์การถ่ายภาพที่น่าประทับใจทีเดียว
realme 9 Pro Series วางจำหน่ายด้วยกัน 2 สี ได้แก่ Sunrise Blue และ Aurora Green พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ตามรายละเอียดดังนี้
- realme 9 Pro (6+128) วางจำหน่ายในราคา 8,999 บาท (จำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ realme Official Global Store บน Lazada เท่านั้น)
ราคารอบพิเศษ Early bird เฉพาะผู้ที่สั่งซื้อผ่านช่องทาง Lazada เท่านั้น เหลือเพียง 8,499 บาท ตั้งแต่วันที่ 3 – 5 มีนาคมนี้ - realme 9 Pro (8+128) วางจำหน่ายในราคา 9,999 บาท
ราคารอบพิเศษ Early bird เฉพาะผู้ที่สั่งซื้อผ่านช่องทาง Lazada เท่านั้น เหลือเพียง 9,499 บาท ตั้งแต่วันที่ 3 -11 มีนาคมนี้ - realme 9 Pro+ (8+256) วางจำหน่ายในราคา 12,999 บาท
ราคารอบพิเศษ Early bird เฉพาะผู้ที่สั่งซื้อผ่านช่องทาง JD Central เท่านั้น เหลือเพียง 12,499 บาท ตั้งแต่วันที่ 3 -11 มีนาคมนี้
พิเศษ! สำหรับผู้ที่สั่งจอง realme 9 Pro Series ที่ realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 – 11 มีนาคมนี้ จะได้รับของสมนาคุณ รวมทั้งสิ้นมูลค่ากว่า 6,000 บาท ประกอบไปด้วย
- เซ็ท realmeow Special Gift
- realme smart scale
- ประกันหน้าจอแตกตลอด 1 ปี
- ผ่อน 0% นาน 6 เดือน
The post รีวิว realme 9 Pro Series ครั้งแรกกับกล้องระดับเรือธง ในสมาร์ตโฟนระดับกลาง ราคาเริ่มต้น 8,999 บาท appeared first on Specphone.com.